ถ้าถามถึงสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว ต้องบอกว่าอยู่เคียงคู่กับสังคมไทยมาช้านาน...แม้แต่สาวเก่งวัย 29 ปี ผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงวงการ “ทองคำ” ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เธอยังบอกว่า เคยถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลมาแล้ว แบบไม่ได้ตั้งใจจากการที่พ่อ - แม่ ซื้อเป็นของขวัญวันเกิด

ฐิภา บอกว่า ตั้งแต่เด็กเธอก็รู้จักสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว เพราะพ่อ – แม่ จะซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ถือว่าเป็นการ “เสี่ยงดวง” เผื่ออาจโชคดีในวันเกิด

และก็มีครั้งหนึ่งที่โชคดี ถูกสลากกินแบ่ง 2 พันบาท และก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอถูกรางวัล....

ถามว่าแล้วเธอเคยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลไหม ฐิภาบอกว่า ไม่เคยซื้อ เพราะเป็นคนไม่ชอบเสี่ยงดวง ก็เลยไม่นิยมที่จะซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล

แล้วรู้หรือเปล่าว่า เขาเอาเงินที่ได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลไปทำอะไร เธอบอกว่า เท่าที่รู้เงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเขาจะเอาไปใช้สนับสนุนในหลายๆด้าน ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านการศึกษา ด้านการแพทย์ สร้างสิ่งต่างๆ ให้ประเทศ สังคม

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า การออกสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นการมอมเมาประชาชน เธอให้ความเห็นว่าในต่างประเทศก็มีการออกหวยล็อตโต้กันอย่างแพร่หลาย เป็นการดึงเอาสิ่งที่อยู่ “ใต้ดิน” เข้ามาทำให้ถูกกฎหมาย ซึ่งถือเป็นคู่แข่ง “หวยใต้ดิน” ทำให้เงินที่กระจายอยู่นอกระบบ ซึ่งถือว่ามีมูลค่าค่อนข้างมาก ถูกหยิบขึ้นมาเข้าสู่ระบบ และนำรายได้มาพัฒนาประเทศ

เป็นการดึงเอา “หวยใต้ดิน” ขึ้นมาอยู่ “บนดิน” ทำให้ถูกกฎหมาย และเข้าสู่ระบบภาษีเป็นการเสี่ยงโชคที่ถูกกฎหมาย ที่สำคัญผู้ซื้อก็ไม่มีความเสี่ยงว่าเจ้ามือจะหนีหรือไม่ เพราะเจ้ามือคือรัฐบาล ความเสี่ยงลดลง เมื่อเทียบกับหวยใต้ดิน

ถามว่าหากมีการจำหน่ายสลากออนไลน์เลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว เธอมีความคิดเห็นอย่างไร จะช่วยให้หวยใต้ดินหมดไปหรือไม่ เธอบอกว่า ไม่น่าจะทำให้หวยใต้ดินหมดไปจากสังคมไทย แต่จะทำให้ลดน้อยถอยลง และประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น แถมช่องทางการซื้อก็สะดวกสบาย

ทุกวันนี้โลกเรามีความทันสมัยมากขึ้น สังคมเข้าสู่ยุคออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ค เชื่อว่าการออกสลากออนไลน์ จะทำให้ประชาชนเข้าถึงสลากกินแบ่งรัฐบาลมากขึ้น และช่วยลดการใช้กระดาษไปในตัวและเธอยังเห็นด้วยหากจะมีการถ่ายทอดการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านทีวี เพราะทุกวันนี้คนที่เล่นหวยส่วนใหญ่สามารถติดตามได้เพียงการถ่ายทอดสดทางวิทยุ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธออยากฝากกับคนที่ชอบเสี่ยงดวงผ่านสลากกินแบ่งรัฐบาลว่า ควรเสี่ยงโชคแค่สนุกสนานพอ ไม่ใช่เอาเงินที่มีอยู่ไปทุ่มเทกับการเสี่ยงดวง จนกระทบกับรายได้ หรือเงินในกระเป๋า

ถามว่าการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นการ “มอมเมา” ประชาชนหรือไม่ ในมุมมองของ “อ๊อด บรั่นดี” หรือ “โอภาส ทศพร” นักร้องเพลงแนวสตริงคอมโบ ซึ่งพักหลังหันมาร้องเพลงแนวลูกทุ่ง และลูกกรุง ขวัญใจคนไทย มองว่า ไม่ถือว่าเป็นการมอมเมาประชาชน เพราะประเทศที่เจริญแล้ว ก็มีการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือหวยล็อตโต้ที่เราคุ้นหูกันดี อย่างเช่นในสหรัฐฯ มีการออกหวยล็อตโต้ สัปดาห์หนึ่งหลายรอบ แต่ของไทย 15 วันออกครั้ง ถือว่าน้อยมาก

“ผมไม่คิดว่าเป็นการมอมเมาประชาชน ผมเองก็ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเหมือนกัน ซื้อบ่อยด้วย ซื้อแบบสนุกๆ เหมือนกับเราร่วมทำบุญมากกว่า ดีกว่าเราไปซื้อหวยใต้ดิน ซึ่งเจ้ามือเอาไปกินหมด”

เพราะการเสี่ยงดวงผ่านหวย เรามีโอกาสถูกกินมากกว่าที่จะถูกรางวัล แต่ถ้าเราซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล รายได้ที่เข้ามาเขายังเอาไปช่วยสร้างโน่นสร้างนี่ที่เป็นประโยชน์กับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสร้างโรงพยาบาล หรือการนำไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม

“ผมอยากให้คนที่ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมองว่าเป็นการทำบุญอีกอย่างหนึ่ง เหมือนกับไปงานกาชาด จริงๆแล้วคนไปงานกาชาดไม่ได้คาดหวังอะไร แต่รางวัลถือเป็นผลพลอยได้ ถ้าไม่ได้ก็ถือว่าเราได้ทำบุญ เพราะสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลก็จะนำรายได้ไปช่วยสร้างตึกโน่นตึกนี่ ซึ่งเป็นประโยชน์กับสังคม”

อ๊อด ฝากบอกกับคนไทยว่าการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่าซื้อจนเกินตัว ให้คิดเหมือนกับว่าเราไป “ทำบุญ” มากกว่าการหวังผลรางวัลใหญ่ แค่ถ้าเผื่อโชคดีเราก็ถูกรางวัล แต่ถ้าไม่ถูกตัวเองก็ไม่เดือดร้อนอะไร มีน้อยก็ซื้อน้อย

เขามองว่า การที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเข้ามาทำหน้าที่ออกสลากกินแบ่งรัฐบาลช่วยทำให้เงินที่อยู่นอกระบบ เข้าสู่ระบบ

ถามถึงปัญหาการขายสลากเกินราคา เขามองว่า ปัญหานี้คงแก้ไขได้ยาก เพราะเกี่ยวข้องกับการจัดสรรโควตาให้กับกลุ่มต่างๆ เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาระยะยาวที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต้องแก้ไข

ส่วนการที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีแนวคิดออกหวยบนดิน 2 ตัว และ 3 ตัว เขามองว่า น่าจะดี เพราะจะทำให้เกิดการแข่งขันกันระหว่าง หวยบนดิน กับหวยใต้ดิน แต่คงไม่ทำให้หวยใต้ดินหมดไปจากสังคมไทย

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าสังคมไทยเป็นสังคมชาวพุทธ อาจมีความคิดเห็นขัดแย้งหากรัฐบาลเข้ามาเป็นเจ้ามือหวยบนดินเสียเอง

แล้วถ้าหากมีการถ่ายทอดสดการออกสลากผ่านทีวีเหมือนกับที่เคยทำในอดีตเขามองอย่างไร อ๊อดบอกว่า เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะการถ่ายทอดทำให้ระบบมีความโปร่งใสยิ่งขึ้น ที่สำคัญเขายังอยากให้มีการถ่ายทอดผ่านเว็บไซต์ด้วยซ้ำ เพราะต้องยอมรับว่าวิวัฒนาการสังคมเปลี่ยนไป คนเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตมากขึ้น

เกี่ยวกับความเห็นถึงการดำรงคงอยู่ของสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่เคียงคู่กับสังคมไทยมานานหลายสิบปี วรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง จำกัด ให้ความเห็นว่าสำหรับคนมีเงินมากแล้ว สลากกินแบ่งรัฐบาลอาจจะไม่มีความหมายอะไร แต่กับคนเล็กๆ ที่ยังต้องการโชคมันก็ช่วยให้เขามีความหวังว่าวันหนึ่งฐานะการเงินของเขาจะดีขึ้น ซึ่งเรื่องนี้คนที่ไม่จนคงจะไม่เข้าใจ

สลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ได้มีแต่ประเทศไทย ที่อื่นเขาก็มีกัน ไม่ว่าจะโลกตะวันตกหรือตะวันออก ซึ่งเงินที่รัฐบาลจะได้จากสลากกินแบ่งรัฐบาลก็เป็นรายได้ที่เป็นของแผ่นดิน สามารถนำไปใช้จ่ายในโครงการต่างๆ ได้จึงเป็นสิ่งดีหากเราจะซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่ใช่ซื้อจากเจ้ามือใต้ดิน

เพราะหากซื้อหวยใต้ดินแล้ว เงินที่เราจ่ายไปนั้นรัฐบาลจะไม่ได้อะไรเลย ไม่สามารถมีเงินเพิ่มเพื่อไปพัฒนาประเทศไปจ่ายสวัสดิการ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ของรัฐได้

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับรางวัลจากเจ้ามือหวยใต้ดิน ไม่เหมือนกับซื้อจากรัฐบาล การขายสลากผ่านระบบออนไลน์นั้น ข้อดีคือความสะดวกของผู้ซื้อ กับการไม่ต้องจ่ายเงินเกินราคาที่กำหนด แต่ข้อเสียคือ ระบบจะมีผู้สูญเสียรายได้ในการเป็นตัวกลางคือ ผู้ขายสลากทั้งยี่ปั๊ว ซาปั๊ว และแม้กระทั้งคนพิการ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่จะสูญเสียงานไปเพราะเทคโนโลยีที่เข้ามาทดแทนได้อย่างประหยัดกว่า หากรัฐบาลจะเยียวยาเฉพาะผู้พิการ ก็น่าจะเป็นการฝึกและหาอาชีพอย่างอื่นให้เขาเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ใช่เอาเงินไปให้เปล่า

ส่วนการถ่ายทอดผลการออกสลากผ่านทีวีไม่เห็นว่าเป็นการมอมเมาประชาชน เพราะเป็นรายการทีวีที่น่าเบื่อที่สุดสำหรับคนที่ไม่สนใจเรื่องสลากกินแบ่ง เขาก็จะข้ามไปดูช่องอื่น

นอกจากนี้ใครที่มีโทรศัพท์มือถือไม่ว่าจะซื้อสลากหรือไม่ ก็ได้รับผลสลากกินแบ่งผ่าน SMS ข่าวที่ตนเองสมัครรับอยู่แล้ว

“สลากกินแบ่งไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครหากรู้จักประมาณตน ไม่ทุ่มเทเสี่ยงซื้อจนตนเองและครอบครัวเดือดร้อน เพราะโอกาสถูกสลากน่าจะมีน้อยที่สุด”

ดังนั้นในการลงทุนทุกประเภท การซื้อสลากกินแบ่งจึงมีความเสี่ยงสูงที่สุด สูงกว่าหุ้น ทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ และสูงกว่าอนุพันธุ์

“การทำงานหนัก การรู้จักเก็บออม และการรู้จักนำเงินที่เก็บออมไปลงทุน เป็นหนทางที่ดีที่สุดของการมีเงิน ไม่ใช่รอโชคช่วย”

เพราะหากเก็บเงินที่ซื้อสลากแต่ละงวดโดยสมมุติว่าเดือนละ 1 พันบาท ไปลงทุนในสิ่งที่ให้ผลตอบแทนสูงแต่เสี่ยงน้อยกว่าสลาก เช่น หุ้นหรือทองคำ และสมมุติได้ผลตอบแทนเฉลี่ยสัก 10% ต่อปี หากทำอย่างนี้ไปสัก 30 ปี มันจะเป็นเงินก้อนใหญ่ถึงกว่า 2 ล้านบาท นี่คือการลงทุนที่แม้จะมีความเสี่ยงสูงแต่ก็เสี่ยงน้อยกว่าสลากกินแบ่ง

นอกจากนี้ สำนักงานสลากกินแบ่ง ก็มีหน้าที่ที่ต้องทำให้ผลการออกสลากโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมไปถึงมีหน้าที่ต้องเปิดเผยที่มาของรายได้กับการใช้รายได้นั้นๆ ให้ประชาชนตรวจสอบได้ด้วย!!!